เรื่องที่คุณต้องรู้ก่อนใช้งานปูนเซลฟ์: ปูนปรับระดับที่ระงับพื้นสึกกร่อนอย่างแนบเนียน
ปัญหามากมายที่มักเจอของผิวหน้าคอนกรีต ลานจอดรถ ถนนคอนกรีต คือ พื้นสึกกร่อน พื้นไม่เสมอกัน หรือแม้แต่ปัญหาพื้นบนท้องถนนที่ขับผ่านสัญจรกันทุกวันเองก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า มีปัญหาทางถนนและพื้นมากมายที่สร้างความลำบากใจให้นักเดินทางอย่างไม่สิ้นสุด
กรณีที่พื้นมีความเสียหายเฉพาะผิวหน้าแต่โครงสร้างยังดีไม่จำเป็นต้องสกัดพื้นและเทพื้นคอนกรีตใหม่ อย่างไรก็ตามหากประสบปัญหาอย่างพื้นสึกกร่อน ชำรุด เสียหายบนพื้น หรือพื้นไม่เรียบเนียน ทางแก้ปัญหาที่หลาย ๆ คนนึกถึงอาจจะเป็นการเทพื้นใหม่ หรือการใช้ปูนฉาบซ่อม ซ่อมเฉพาะจุดที่เสียหาย แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่จะมาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสมที่สุดคือการใช้ “ปูนเชลฟ์” ปูนเทปรับระดับที่จะช่วยปรับพื้นผิวหน้าคอนกรีตให้กลับมาเหมือนใหม่ แข็งแกร่ง และใช้งานได้แบบไม่สะดุด
5 ข้อที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับปูนเซลฟ์ มีอะไรบ้าง?
5 ข้อที่คุณควรรู้เกี่ยวกับปูนเซลฟ์ มีหลายอย่างที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้มาก่อนว่า ปูนเซลฟ์เหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหนมากที่สุด วันนี้เราจะได้รู้กัน
ปูนเซลฟ์ เป็นปูนไหลได้ด้วยตัวเอง เหมาะแก่การปรับพื้นที่ต้องการความเรียบและได้ระดับ มีทั้งชนิดภายในภายนอก และมีปูนเซลฟ์สำหรับการซ่อมแซมและปรับพื้นผิวคอนกรีต อย่างเฟอร์โรกรีต 216 เป็นนวัตกรรมปูนปรับระดับเซ็ตตัวเร็ว สำหรับซ่อมแซมถนนคอนกรีต โดยปูนชนิดนี้เป็นปูนที่มีค่ารับน้ำหนักและแรงยึดเกาะที่สูง เนื่องจากผลิตจากพอลิเมอร์และเส้นใยไฟเบอร์ขนาดเล็ก จึงสามารถลดการแตกร้าวของผิวมอร์ตาร์ได้เป็นอย่างดี
ปูนเซลฟ์ ไม่เหมือนยางมะตอย! ในอดีตที่ยังไม่เทคโนโลยีการซ่อมถนนแบบใหม่ ส่วนมากวัสดุที่นิยม นำมาซ่อมผิวถนนคอนกรีตสึกกร่อน คือ ยางมะตอย แต่การใช้ยางมะตอยซ่อม มักทำให้เกิดความต่างของสีพื้น ทั้งยังเป็นขอบนูน ไม่เรียบเสมอพื้นเดิม มองแล้วไม่สวยงาม แต่ในปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ โดยการนำปูนเซลฟ์มาใช้ซ่อมพื้นคอนกรีตภายนอก อย่างเช่น เฟอร์โรกรีต 216 ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ปูนเซลฟ์ซ่อมนั้นแตกต่างจากเดิมเป็นอย่างมาก คือ ทำงานง่ายและใช้เวลาทำงานน้อยกว่า อีกทั้งยังมีความสวยงามมากกว่าการซ่อมด้วยยางมะตอย เพราะเป็นการซ่อมบางเพียง 3-8 มม. พื้นจึงเรียบเนียนมากกว่า รถยนต์แล่นได้ไม่สะดุดขอบที่ซ่อม และยังมีค่ารับน้ำหนักสูง เปิดการใช้งานได้รวดเร็วใน 6 ชั่วโมงหลังเท
การเทปูนเซลฟ์เฟอร์โรกรีต 216 สามารถซ่อมแซมผิวคอนกรีตแตกลายงาได้ แต่ไม่สามารถใช้ซ่อมรอยร้าวได้ จากกรณีรอยร้าวของคอนกรีตทรุดตัว รอยร้าวจากรอยต่อ เหมาะสำหรับแก้ไขผิวที่สึกกร่อนเล็กน้อยมากกว่า แต่กรณีรอยร้าว (ไม่ทรุด) และมีการซ่อมรอยร้าวเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้ปูนเฟอร์โรกรีต 216 เททับผิวหน้าให้เรียบเนียนสวยงาม เเข็งแรง และส่งงานให้ทันตามกำหนดเวลาได้ แต่หากเป็นพื้นผิวที่เน้นการใช้งานหนัก เช่น พื้นผิวโรงงานอุตสาหกรรม แนะนำใช้ตัวเฟอร์โรกรีต 215
ปูนเซลฟ์ไม่สามารถเทปรับภายนอกและภายในถุงเดียวได้ ปูนเซลฟ์จะเหมาะสมกับประเภทของพื้นที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยของพื้นภายในและภายนอก ดังนั้นเพื่อการปรับพื้นต่าง ๆ จึงต้องมีการแยกปูนปรับระดับเป็นแบบซ่อมภายในอย่างพื้นโรงงาน พื้นภายในอาคาร และพื้นภายนอก เช่น พื้นลานจอดรถ ถนน เป็นต้น
อุณหภูมิหรือสภาพอากาศที่เหมาะสมของการซ่อมผิวคอนกรีตด้วยปูนเซลฟ์กรณีใช้งานเซลฟ์ภายนอก ในวันที่ฝนตก พื้นมีความชื้นสะสมไม่ควรเทปูนเซลฟ์ทันที แนะนำว่าควรรอให้พื้นโดนแดดก่อน 3 วันก่อนตัดสินใจเทซ่อม เพราะหากพื้นอิ่มน้ำมากเกินไป จากปริมาณฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดปัญหาการคายน้ำของคอนกรีตได้ เนื่องจากความชื้นที่สะสมอยู่ในพื้นจะระเหยออกอย่างรวดเร็วเมื่อโดนแสงแดด ทำให้เกิดแรงดันภายในคอนกรีตสูงขึ้น ส่งผลให้ปูนโป่งพองและหลุดล่อนได้
มากไปกว่านี้ ในกรณีที่พื้นมีความร้อนมากเกินไปก็ไม่ควรรีบเทลงไปในทันทีเช่นกัน โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนจัด เพราะความร้อนของพื้นคอนกรีตที่สะสมจากแดด จะแย่งน้ำจากปูนเซลฟ์ที่เททับลงบนผิวคอนกรีต เกิดการสูญเสียน้ำมากเกินไป ทำให้ผิวแตกลายงาได้ การใช้ปูนเฟอร์โรกรีต 216 จึงถูกออกแบบให้บ่มน้ำก่อนการเททุกครั้ง
ปูนเซลฟ์นั้นมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการซ่อมแซมพื้นคอนกรีตที่สึกหรอ ภายใต้การใช้เวลาที่น้อยแต่มีประสิทธิภาพสูง อย่างเฟอร์โรกรีต 216 ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาพื้นของคุณได้อย่างแนบเนียน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากไม่ระมัดระวังในเรื่องวิธีการใช้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างของปูนเซลฟ์กับยางมะตอย สภาพอากาศ อุณหภูมิของพื้น ผลกระทบของปูนเซลฟ์ต่อสิ่งเร้าที่กล่าวมาข้างต้น หรือความเหมาะสมของพื้นแต่ละประเภทอย่างละเอียดถี่ถ้วน การใช้ปูนเซลฟ์อาจไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ดังนั้น 5 ข้อควรรู้ในบทความนี้จึงเรียกว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรรู้ไว้ก่อนใช้งานจริง