เฟอร์โรกรีต 204

กรณีที่ 1 : ผิวพื้นคอนกรีตเก่าเป็นน้ำปูนที่แห้งไม่แข็งแรง ไม่เหมาะกับการยึดเกาะทับผิว (Laitance) หรือเป็นผิวมันท็อปปิ้ง (Loose mortar topping) ที่พร้อมจะหลุดร่อน

• วิธีประเมินผิว

ใช้วิธีกรีดด้วยมีด (Knife test) ถ้าเป็นฝุ่นง่าย มีรอยลึกจากการกรีดได้ถึง 2 มม. หรือแซะด้วยมีดออกเป็นฝุ่นง่าย แสดงว่าเป็นชั้นน้ำปูนอ่อนแอ ไม่เหมาะกับการเท เฟอร์โรกรีต 204 ทับหน้า

• การเตรียมผิว

ผิวที่อ่อนแอจะต้องถูกกัดออกด้วยเครื่องกัดผิว (Concrete scarier) ให้ได้ความ หยาบตามมาตรฐานสถาบันซ่อมแซมคอนกรีตระหว่างประเทศ มีค่าความหยาบระหว่าง 3-4 (The International Concrete Repair Institute ICRI csp 3-4) จนถึงชั้นที่แข็งแรง ทั้งนี้ เครื่อง Scarifier จะทำให้ผิวหยาบ (Rough profile) เหมาะกับการยึดเกาะ, ส่วน

กรณีท็อปปิ้งหลุดร่อนจากผิวคอนกรีต ต้องสกัดและเทท็อปปิ้งใหม่ ปกติควรมีค่ารับน้ำหนักไม่

น้อยกว่า 210 กก/ตร.ซม. ที่ 28 วัน ดูดฝุ่นและเช็ดด้วยผ้าม็อบหมาด

• หลีกเลี่ยง

การฉีดบ่มน้ำปริมาณมากๆ ลงบนผิวที่เตรียมไว้แล้วเนื่องจาก เฟอร์โรกรีต 204 มีสารเคมีป้องกันการถูกแย่งน้ำและมีไพรเมอร์ ที่มีส่วนผสมของน้ำ ซึ่งจะแทรกซึมลงไปยึดเกาะบนผิวคอนกรีตที่แห้ง หากพื้นอิ่มน้ำมากเกินไป ไพรเมอร์จะไม่สามารถแทรกลงไปได้ และน้ำที่บ่มจะไม่มีทางระบายออก จึงอาจดันแผ่นผิวของ เฟอร์โรกรีต 204 ให้บวมเป็นจุดๆ ได้ เพราะเซ็ทตัวเร็วมากกว่าการระบายความชื้นของปูนปกติ จึงต้องเตรียมผิวเหมือนกับงานพื้นอีพ็อกซี่โรงงานอุตสาหกรรม (Epoxy industrial floor)

กรณีที่ 2 : ผิวพื้นเก่าเคลือบสารที่เป็นอุปสรรคต่อการยึดเกาะทั้งที่มองเห็นได้ง่ายและที่สังเกตได้ยาก เช่น น้ำยาบ่ม, น้ำมัน, สารกันน้ำและอีพ็อกซี่

• วิธีประเมินผิว

ใช้วิธีหยดด้วยน้ำ (Drop test) หากทดลองหยดน้ำบนผิวแล้วหยดน้ำกลมเหมือนน้ำบนใบบัว ดูดซึมช้า ภายใน 10 วินาที ยังไม่ซึมหมด แสดงให้เห็นว่า น่าจะมีสารเคลือบผิวอยู่

• การเตรียมผิว

ใช้เครื่องขัดผิว (Floor grinding) เป็นใบลูกถ้วยเพชร หมุนขัดบนผิวเพื่อลอก สารเคลือบผิวออก หรือใช้เครื่องยิงเม็ดเหล็ก (Shot blast) เพื่อกัดผิวหน้าออกประมาณ 1 มม. ให้ผิวหยาบสะอาด ทั้งนี้ควรทดสอบหยดน้ำอีกครั้งหลังเตรียมผิวและทดลองเท เฟอร์โรกรีต 204 ทดสอบ 1-2 ตร.ม. ก่อนเทแผงใหญ่

กรณีที่ 3 : ผิวพื้นเก่ามีคราบกาวกระเบื้องติดอยู่

• วิธีประเมินผิว

กรณีกาว แอสฟัลท์ คัทแบ็ค ไม่มีส่วนผสมของแอสเบสทอส (Cut-Back asphalt adhesive-non asbestos) พื้นผิวทั่วไปจะเป็นยางสีดำ ให้สังเกตการแห้งกรอบ หรือยังเหนียวชื้นอย

• การเตรียมผิว

ใช้เครื่องกัดผิว (Concrete scarifier) ให้ได้ความหยาบตามมาตรฐานสถาบันซ่อมแซม คอนกรีตระหว่างประเทศ มีควาความหยาบระหว่าง 3-4 (The International Concrete Repair Institute ICRI csp 3-4) เพื่อรื้อพื้นผิวเดิมออกให้มากที่สุด (มากกว่า 80% โดยเฉพาะเศษที่ แห้งกรอบ) ทั้งนี้หากยังมีคราบกาวดำติดแน่นหลงเหลืออยู่บ้าง (20%) เฟอร์โรกรีต 204 สามารถ ยึดเกาะกับกาวชนิดนี้ได้ โดยจะมีแรงยึดเกาะประมาณ 0.5 เมกะปาสคาล อย่างไรก็ตาม ควรเตรียมผิวให้หยาบสะอาดที่สุดเป็นลำดับแรก

กรณีที่ 4 : กาวชนิดทำปฎิกริยาต่อแรงกดและเหนียวเหนอะอยู่เสมอ (Tacky or pressure sensitive adhesive)

• กาวกลุ่มนี้ไม่สามารถยึดเกาะกับ เฟอร์โรกรีต 204 ได้ ต้องรื้อผิวกาวออกด้วยเครื่องกัดผิว (Concrete scarifier) ให้ได้ความหยาบตามมาตรฐานสถาบันซ่อมแซมคอนกรีตระหว่างประเทศ มีค่าความหยาบระหว่าง 3-4 (The International Concrete Repair Institute ICRI csp 3-4) เท่านั้น ให้สะอาดเห็นผิวคอนกรีตเดิม 100%

ผิวคอนกรีตขัดมัน (Trowel foor) ควรมีค่ารับน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 210 กก/ตร.ชม. และแห้งเซ็ทตัวสมบูรณ์ไม่ต่ำกว่า 28 วัน ในกรณีจำเป็นต้องเททับบนคอนกรีตที่ยังบ่มตัวไม่สมบูรณ์ (Green concrete) คอนกรีตนั้นจะต้องมีค่าความชื่นสูงสุดไม่เกิน 4%RH หรือค่าส่งผ่านความชื้นไม่สูงกว่า 0.07 กก. /ตร.ม. ที่ 24 ชม. จึงจะไม่ดันแผ่นผิว เฟอร์โรกรีต 204 ที่จะเททับลงไป ใช้เครื่องกัดผิวชนิดใบดาว (Concrete scarifier) รหัสสินค้าเฟอร์โร : FG-OE-0001-01 กัดผิวให้เป็นร่องให้หยาบสะอาด เพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะให้ได้ความหยาบตามมาตรฐานสถาบันซ่อมแชม คอนกรีตระหว่างประเทศ มีค่าความหยาบระหว่าง 3-4 (The Internationat Concrete Repair Institute ICRI csp 3-4)

• กรณีพื้นผิวเดิมเป็นพื้นหินขัดที่มีการเดินเส้นรอยต่อด้วยทองเหลือง หรือพลาสติก ต้องตรวจซ่อมเส้นรอยต่อให้แน่น

  แข็งแรง จากนั้นเปิดผิวด้วยเครื่องยิงเม็ดเหล็ก (Shot blast) ให้ผิวเดิมสึกออกอย่างน้อย 1 มม. และดูดฝุ่นให้หยาบสะอาด

  หลีกเสี่ยงการใช้ทินเนอร์ (Xylene) เช็ดผิว เนื่องจากอาจละลายคราบแว็กซ์เดิม ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการยึดเกาะของ

  เฟอร์โรกรีต 204

1. เตรียมนํ้าสะอาดประมาณ 20% (5 ลิตร) ต่อ เฟอร์โรกรีต 204 1 ถุง (25 กก.) ค่อยๆ เทลงในภาชนะผสม (พลาสติก/โลหะ) จากนั้นเท เฟอร์โรกรีต 204 ลงในภาชนะและปั่นด้วย สว่าน ใช้เกียร์ 2 สปีด 5 (400-600 รอบ/นาที) ระยะเวลาประมาณ 2 นาที หรือจนกว่าปูน จะเป็นเนื้อเดียวกันใช้เหล็กโป๊วขูดปูนที่ติดข้างถังผสมและปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน ควรตรวจสอบ ความเหลวให้สมํ่าเสมอทุกครั้งที่ผสมโดยใช้หลอด หรือท่อขนาด Ø 30 มม. สูง 50 มม. 

2. เท เฟอร์โรกรีต 204 และดึงท่อขึ้นสูง เพื่อปล่อยปูนให้กระจายเป็นวงกลมและวัดเส้นผ่านศูนย์กลาง ให้ใกล้เคียงกันทุกโม่ผสม ก่อนนำไปเทจริงทิ้งให้ฟองอากาศสลายตัวประมาณ 1 นาที 

3. นำวัสดุผสมไปปรับระดับทันทีลงบนผิวที่ทานํ้ายารองพื้น (เฟอร์โรกรีต 214/พี)ไว้แล้ว โดยไพรเมอร์ต้องแห้งสนิท

4. *ในกรณีของการใช้เครื่องผสมอัตโนมัติ กรุณาปรึกษาบริการทางเทคนิคของบริษัทฯก่อน

1. ผสม เฟอร์โรกรีต 214/พี ไพรเมอร์กับน้ำสะอาด ในอัตรา 1:1 -1:3 โดยน้ำหนัก กวนให้เข้าเนื้อกัน 2-3 นาที นำส่วนผสมที่ได้ไปทาบนพื้นผิวคอนกรีตที่เตรียมผิวหยาบสะอาดไว้แล้ว ทาด้วยลูกกลิ้งทาสี 2 ชั้น ชั้นแรกทิ้งแห้ง 24 ชม. ชั้นที่ 2 ทิ้งแห้ง 1-2 ชม.

2. เตรียม เฟอร์โรกรีต 204 ที่ผสมไว้แล้วพร้อมกันหลายๆ ถัง เพื่อให้การเทต่อเนื่อง

3. นำปูนปรับระดับ เฟอร์โรกรีต 204 ที่ผสมน้ำแล้ว ไปเทบนไพรเมอร์ (เฟอร์โรกรีต 214/พี) ในขณะที่ไพรเมอร์เริ่มแห้ง

   หมาดๆ ยังไม่แห้งสนิท (Tackey) เมื่อเทแล้วต้องปาดด้วยคราดที่ตั้งระดับความหนา 3-8 มม. เกลี่ยให้ทั่วบริเวณ

   
   

4. สวมรองเท้าตะปูและตามด้วยลูกกลิ้งหนามไล่ปาดตามทั้งนี้ ควรผสมและเทต่อนื่องเพื่อหลีกเลี่ยงรอยต่อระหว่างแนวการเท

   หรือประมาณ 10-15 นาที ตามระยะเวลาการคืนตัว (Healing time) ขึ้นอยู่กับความร้อนของพื้นผิวทำให้แห้งเร็ว หรือช้ากว่ากำหนด

• 3-4 ชม. แห้งเดินเบา

• 1-3 แห้งปูกระเบื้องยางได้